ร้านเวชภัณฑ์ เป็นร้านค้าที่จำหน่ายอุปกรณ์และวัสดุทางการแพทย์ รวมถึงยาและสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพที่ใช้ในการรักษาดูแลผู้ป่วยทั้งใน และนอกสถานพยาบาล โดยสินค้าที่วางจำหน่ายในร้านเวชภัณฑ์มีตั้งแต่ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์หรือเภสัชกรไปจนถึงยาที่ขายตามร้านค้าปลีก นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น สเต็ทโทสโคป, ชุดฉีดยา, เครื่องวัดความดัน และอุปกรณ์เคลื่อนย้ายผู้ป่วย เช่น วีลแชร์ และยังอาจรวมถึงสินค้าสำหรับการฟื้นฟูสภาพ ผลิตภัณฑ์การดูแลผู้สูงอายุ อุปกรณ์สนับสนุนการเคลื่อนไหวสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวหรือความพิการต่างๆ บางร้านมีบริการเช่าอุปกรณ์ทางการแพทย์และบริการหลังการขาย เช่น การซ่อมแซมอุปกรณ์ และจัดส่งสินค้าถึงบ้านผู้ป่วย ในปัจจุบันมีร้านเวชภัณฑ์ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นถ้าอยากได้ร้านที่ดีมีคุณภาพก็จำเป็นที่จะต้องเลือกให้ดี ด้วยการพิจารณาจากสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้

การเลือกซื้อสินค้าจากร้านเวชภัณฑ์ให้ได้สินค้าคุณภาพดีและเหมาะสมกับการนำไปใช้งาน

  1. ตรวจสอบความต้องการจริง ก่อนซื้อควรรู้ว่าคุณหรือผู้ที่ต้องการใช้สินค้านั้นต้องการอะไรบ้างจริงๆ เช่น ยา, อุปกรณ์ช่วยการเคลื่อนไหว หรือวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ เป็นต้น
  2. ความเชื่อถือของร้าน ควรเลือกร้านที่มีชื่อเสียงดี มีใบอนุญาตการค้าที่ถูกต้อง และมีการรีวิวหรือข้อเสนอแนะจากลูกค้าคนอื่นๆ ที่เชื่อถือได้
  3. คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับสินค้าบางประเภท เช่น เครื่องมือแพทย์หรือยา ควรมีการแนะนำหรือสั่งซื้อโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์หรือเภสัชกร
  4. ศึกษาข้อมูลสินค้า อ่านรายละเอียดสินค้า, วันหมดอายุ, ข้อบ่งชี้, และคำเตือนให้ละเอียด หากมีข้อสงสัยควรถามผู้ขายหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
  5. เปรียบเทียบราคา บางครั้งสินค้าเดียวกันอาจมีราคาแตกต่างกันในแต่ละร้าน การเปรียบเทียบราคาก่อนซื้อสามารถช่วยให้คุณได้ราคาที่ดีที่สุด
  6. บริการหลังการขาย ควรที่จะต้องตรวจสอบนโยบายการคืนสินค้า และการบริการหลังการขายของร้านว่ามีอะไรบ้าง เช่น การรับประกันสินค้า

สุดท้ายนี้เราหวังว่าข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกซื้อสินค้าจากร้านเวชภัณฑ์ที่เราได้เอามาฝากข้างต้นนี้ จะช่วยให้คุณสามารถเลือกซื้อสินค้าจากร้านเวชภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น และได้รับสินค้าที่ดีมีคุณภาพในการนำไปใช้งานได้นะคะ

 

อาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน รวมถึงการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ สำหรับผู้สูงอายุ ความต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้นเนื่องจากกระดูกเริ่มเสื่อมสภาพและการดูดซึมแคลเซียมลดลง ดังนั้นอาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับกระดูก

 

ความสำคัญของอาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ

  • การเสริมสร้างกระดูก: ช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนและกระดูกหัก
  • การทำงานของกล้ามเนื้อ: ช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การทำงานของระบบประสาท: ช่วยส่งสัญญาณประสาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับ

  • ผู้สูงอายุควรได้รับอาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุประมาณ 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน แต่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสุขภาพทั่วไปและคำแนะนำของแพทย์

 

ประเภทของอาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ

  • แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate): มีราคาถูกและมีปริมาณแคลเซียมสูง รับประทานพร้อมอาหารเพื่อช่วยในการดูดซึม
  • แคลเซียมซิเตรท (Calcium Citrate): ดูดซึมได้ดีในขณะที่ท้องว่าง
  • แคลเซียมฟอสเฟต (Calcium Phosphate): มีส่วนผสมของฟอสเฟตซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูก
  • แคลเซียมแลคเตท (Calcium Lactate): ดูดซึมได้ง่าย แต่มีปริมาณแคลเซียมต่อเม็ดน้อย

 

ข้อดีและข้อเสียของการใช้อาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ

ข้อดี

  • ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
  • ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
  • ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ

 

ข้อเสีย

  • การได้รับแคลเซียมมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหา เช่น นิ่วในไต
  • อาจมีผลข้างเคียง เช่น ท้องผูก หรือท้องอืด

 

วิธีการเลือกอาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ

  • ปรึกษาแพทย์: ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกประเภทและปริมาณที่เหมาะสม
  • ตรวจสอบฉลาก: ตรวจสอบปริมาณแคลเซียมที่ได้รับต่อเม็ดและเลือกประเภทที่เหมาะสม
  • เลือกรูปแบบที่สะดวก: มีทั้งเม็ด, แคปซูล, ผง และของเหลว

 

คำแนะนำในการรับประทานอาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ

  • ควรรับประทานพร้อมอาหารเพื่อเพิ่มการดูดซึม
  • ควรแบ่งการรับประทานเป็นหลายๆ ครั้งต่อวัน
  • ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยลดปัญหาท้องผูก

 

การรับประทานอาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อ การเลือกอาหารเสริมแคลเซียมที่เหมาะสมกับร่างกายและรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดในการรักษาสุขภาพกระดูกให้แข็งแรงและสมบูรณ์

หากคุณกำลังพิจารณาเลือกเช่าที่พัก คอนโดในย่านสาทรของกรุงเทพฯ rent condo Sathorn นี่คือปัจจัยที่คุณอาจพิจารณา

ปัจจัยทางสังคมและชุมชน

  • ชุมชนและเพื่อนบ้าน คอนโดมักมีชุมชนที่เข้มแข็งและเพื่อนบ้านที่หลากหลายมากกว่าห้องพักทั่วไป การมีเพื่อนบ้านที่ดีสามารถช่วยให้ชีวิตประจำวันของคุณสะดวกสบายและมีความสุขมากขึ้น
  • ความปลอดภัย คอนโดมิเนียมมักมีระบบความปลอดภัยที่ดีกว่า เช่น รปภ. 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิด และการเข้าออกด้วยระบบคีย์การ์ด

ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม

  • สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความยั่งยืน เนื่องจากคอนโดบางแห่งอาจมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เน้นความยั่งยืน เช่น ระบบน้ำรีไซเคิล พลังงานแสงอาทิตย์ และพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ
  • คุณภาพชีวิต เพราะการเลือกที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การลงทุนในอนาคต

  • ศักยภาพในการขายต่อ คอนโดในย่านสาทรมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมูลค่าในอนาคต ซึ่งสามารถเป็นการลงทุนที่ดีหากคุณมีแผนจะขายต่อในอนาคต
  • ความมั่นคงในระยะยาว หากคุณวางแผนจะอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นเวลานาน การเช่าคอนโดมิเนียมอาจให้ความมั่นคงมากกว่าในระยะยาวเมื่อเทียบกับห้องพักทั่วไป

การพิจารณาองค์ประกอบเหล่านี้รวมถึงความต้องการส่วนตัวและสถานการณ์การเงินของคุณจะช่วยให้คุณเลือกที่อยู่อาศัยที่ตรงกับความต้องการและคาดหวังของคุณได้ดีที่สุดในย่านสาทร

คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลคอนโดย่านสาทร (rent condo Sathorn)

ทั้งนี้ราคาเช่าคอนโดหรือห้องพักในย่านสาทรอย่างแม่นยำต้องอาศัยข้อมูลที่อัปเดตและแน่นอน ซึ่งราคาสามารถแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดของห้อง สิ่งอำนวยความสะดวก และตำแหน่งที่ตั้งภายในย่าน โดยทั่วไปแล้ว ราคาเช่าในย่านสาทรมีระดับดังนี้

ประเภทคอนโดมิเนียม

  • ห้องสตูดิโอ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
  • ห้องขนาด 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้นจาก 20,000 ถึง 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
  • ห้องขนาด 2 ห้องนอน ราคาเริ่มต้นจาก 35,000 ถึง 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
  • ห้องขนาดใหญ่อาจมีราคาเริ่มต้นจาก 60,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกและหรูหราของโครงการ

ประเภทห้องพักทั่วไป ราคาเริ่มต้นจาก 7,000 บาทถึง 15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับสภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในห้อง

เพื่อข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้น การสำรวจแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้บริการรายการเช่าที่อยู่อาศัย หรือติดต่อตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่เชี่ยวชาญในพื้นที่ย่านสาทรจะเป็นตัวเลือกที่ดี เพื่อให้ได้ข้อมูลอัพเดทล่าสุดและช่วยเจรจาเงื่อนไขที่เหมาะสมได้

โรคกระเพาะที่เกิดจากความเครียด

ความเครียดเกิดจากสภาวะทางอารมณ์เมื่อเราได้การกดดัน ความกังวล ขณะที่คนเราเครียดนั้นระบบประสาทอัตโนมัติ จะทำการกระตุ้นต่อมหมวกไตสั่งให้หลั่งฮอร์โมนอะดีนาลีนออกมาในปริมาณที่มากกว่าปกติ ซึ่งข้อเสียคือจะทำให้มีความโลหิตที่สูงขึ้น หน้ามืด เป็นลม และที่สำคัญคือเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหาร ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่นิยมเป็นกันมากในหมู่คนทำงานที่ต้องใช้ความคิดและมีการแข็งขันสูง โรคกระเพาะอาหารกับความเครียดจึงเป็นสิ่งที่มักเกิดคู่กัน

โรคกระเพาะอาหาร นอกจากจะเกิดจากนิสัยของผู้ที่มักรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ไม่ถูกเวลา ไม่ครบทั้ง 3 มื้อต่อวันแล้วโรคกระเพาะอาหาร ยังมีสามาเหตุหลักมาจากความเครียดอีกด้วย จากผลวิจัยหลายๆตัวพบว่าผู้ที่มีความเครียดจะมีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารมากถึง 65% โรคกระเพาะอาหารยังสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะท่าผู้หญิงนั้นถือว่ามีอากาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคกระเพาะอาหารมากกว่าผู้ชาย อาจจะเนื่องจากลักษณะนิสัยของผู้หญิงที่มักชอบคิดไตร่ตรอง คิดเล็กคิดน้อย และกังวลต่อสิ่งรอบตัวได้ง่าย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลให้กระเพาะอาหารทำการหลั่งน้ำย่อยออกมาจำนวนมาก เมื่อสัมผัสกับผนังกระเพาะหรือลำไส้มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง จนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร แผลในกระเพาะอาหาร หรือท้องอืดได้

ซึ่งเราสามารถหากทางหลีกเลี่ยงโรคกระเพาะอาหารได้ด้วยการจำกัดที่ต้นต่อของความเครียดทั้งหลาย ด้วยการหากิจกรรมคลายเครียดต่างๆ เช่น เล่นดนตรี ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ เมื่อปฏิบัติเป็นประจำจะพบว่าสามารถช่วยลดความเครียด และรักษาโรคกระเพาะอาหารให้หายขาดได้ในระยะยาว

ครีมแต้มสิว

การดูแลบำรุงผิวพรรณของตัวเองให้ขาวใสนวลเนียนอยู่เสมอเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องใส่ใจกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงเราที่เรื่องความสวยความงามนั้น ต้องมีความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่หากว่าใบหน้าของเรามีสิวขึ้นมาแล้วล่ะก็ คงนิ่งนอนใจอยู่เฉยกันไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นสิวธรรมดาหรือสิวเม็ดเล็กเม็ดใหญ่ ก็ต้องรีบหาทางกำจัดมัน ซึ่งสิ่งแรกที่เรามักจะคิดถึงกันนั่นก็คือครีมแต้มสิว ที่มีคุณสมบัติดีๆ ทั้งการช่วยให้สิวแห้งเร็วขึ้น ช่วยลดการอักเสบ ช่วยสมานผิว ครีมแต้มสิวบางตัวสามารถช่วยในการบำรุงดูแลผิวให้ขาวใสได้ด้วย และป้องกันการเกิดสิวใหม่ รักษาและแก้ไขสิวได้ทุกชนิด เป็นต้น

สิวที่เกิดขึ้นมาสร้างปัญหาให้เราจนต้องพึ่งครีมแต้มสิว มีสาเหตุมาจากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม สภาวะของร่างกายและอารมณ์ การพักผ่อน อาหารการกิน ฮอร์โมน ฯลฯ แต่สิ่งสำคัญคือการรักษาให้ถูกวิธี เพราะเมื่อสิวหายมันยังสามรถทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้อีก ทั้งรอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็น หากทำการรักษาไม่ถูกวิธีอาจจะทำให้ร่องรอยที่หลงเหลือแย่กว่าที่ควรจะเป็น อย่างเช่น การแกะหรือบีบสิวไม่ถูกวิธี นี่ก็อาจจะทำให้เกิดรอยดำหรือรอยแผลเป็นที่ใหญ่ขึ้นกว่าควรจะเป็นได้ หรืออาจจะทำให้สิวอักเสบร้ายแรงยิ่งกว่าเก่า คราวนี้ครีมแต้มสิวดีแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ ดังนั้นเมื่อมีสิวขึ้นมาสิ่งแรกที่ควรจะทำคือใจเย็นๆ และค่อยแก้ไขมัน

ครีมแต้มสิวหรือโลชั่นแต้มสิวที่มาพร้อมคุณสมบัติดีๆ ในการรักษาจะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นได้ เพราะสามรถทำให้สิวแห้งเร็ว และช่วยลดการอักเสบ สามารถรักษาและป้องการเกิดสิวได้ทุกชนิด นอกจากนั้นครีมแต้มสิวยังช่วยในการดูแลบำรุงผิวให้ขาวใส ช่วยสมานรอยสิว และปรับให้ผิวมีความสมดุล ป้องการการติดเชื้อที่ผิวหนัง และยังช่วยลดการอักเสบ ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนดูดีขึ้น แล้วใสๆ ก็ปราศจากสิวอย่างที่ต้องการ

แป้งบาบาร่า

แป้งมหัศจรรย์ แป้งแม่มด แป้งพัฟเค้กหน้าเนียน เฉียบเด้ง สวยสดใส คงไม่มีคุณผู้หญิงคนไหนที่ไม่รู้จักแป้งยอดนิยม และมียอดขายเป็นอันดับ 1 อยู่ในขณะนี้ ที่มีชื่อว่า แป้งบาบาร่า หรือ แป้ง Babalah Powder

แป้งบาบาร่า แป้งผสมรองพื้นแกรด A จากยุโรป ผสม SPF20 กันน้ำ ปกปิดจุดด่างดำ อำพรางริ้วรอย ติดทนนานเช้าจรดเย็นเหงื่อออกไม่เป็นคราบ แค่ซับก็หน้าใสเหมือนเดิม

แป้งพัฟบาบาร่า เนื้อแป้งละเอียดบางเบาดุจใยไหม เกลี่ยง่าย ติดทนนานกันเหงื่อ กันน้ำ 100% ป้องกัน UVA และ UVB SPF 20++ ช่วยปกปิดร่องรอยต่างๆ ได้อย่างวิเศษ พร้อมความเบาสบายได้ตลอดทั้งวัน ปกปิดเรียบเนียน ทนนาน กันแดด กันเหงื่อ

แป้ง Babalah

แป้งบาบาร่ามี 2 สูตร

สูตร 1 มี 2 เฉดสี
เบอร์ 1 สำหรับผิวขาว-ขาวเหลือง
เบอร์ 2 สำหรับผิวสองสี

สูตร 2 มี 3เฉดสี
เบอร์ 19 สำหรับผิวขาวอมชมพู
เบอร์ 1 สำหรับผิวขาว-ขาวเหลือง
เบอร์ 2 สำหรับผิวสองสี

แป้งบาบาร่าใช้แล้วดีอย่างไร

– ป้องกันแสง UVA และ UVB มีค่า SPF 20++
– กันน้ำ 100% และมีครีมรองพื้นในตัว
– เนื้อแป้งละเอียดบางเบา
– เกลี่ยง่ายติดทนนาน ไม่เป็นคราบ
– ผสมรองพื้น ช่วยปกปิดริ้วรอย

image001

 

ใครที่กำลังเป็นโรคข้อเสื่อม คงไม่ต้องบอกนะครับว่าปวดแค่ไหน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมีวิธีการที่จะเข้ามาช่วยในการบรรเทาอาการปวดจากโรคข้อเสื่อม เพื่ออาการทุเลาลง วันนี้เราได้รวบรวมวิธีการบรรเทาปวดหรือแก้อาการปวดเนื่องจากโรคข้อเสื่อมเอามาฝากกัน ไปอ่านกันครับว่ามีวิธีไหนบ้าง

– วิธีปะคบร้อน

วิธีนี้นั้นจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อรอบๆข้อเสื่อมที่ปวดนั้น ผ่อนคลายลงได้ คุณอาจจะประคบร้อนบริเวณข้อเสื่อมที่ปวดด้วยน้ำมันพาราฟินอุ่น ผ้าห่มไฟฟ้า กระเป๋าน้ำร้อน โคมไฟให้ความร้อน แต่ต้องระมัดระวังอย่าให้ผิวไหม้นะครับ

– วิธีประคบเย็น

วิธีนี้นั้นจะทำหน้าที่เหมือนยาชาเฉพาะที่ จะเข้าไปช่วยลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ การประคบเย็นจะช่วยคลายปวดข้อเสื่อมเมื่อต้องเกร็งกล้ามเนื้ออยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานานๆครับ

– วิธีเข้าเฝือก

วิธีนี้นั้นจะเป็นการช่วยให้ข้อเสื่อมที่ปวดนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเวลาที่เรานั้นไปออกกำลังกายและช่วยพยุงให้ข้อเสื่อมนั้น สามารถอยู่นิ่งๆได้ในเวลานอนกลางคืน

วิธีผ่อนคลาย

ยกตัวอย่างเช่น การสะกดจิต การฝึกจินตนาการ การฝึกหายใจ การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือวิธีอื่นๆ ก็อาจช่วยทำให้ลดความเจ็บปวดจากข้อเสื่อมได้เช่นกันครับ

ลองนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้ในการลดอาการปวดของข้อเสื่อมกันนะครับ น่าจะช่วยทำให้อาการปวดจากข้อเสื่อมเราบรรเทาลงได้มากเลยทีเดียว ขอให้คนที่เป็นโรคข้อเสื่อมอยู่ หายไวๆนะครับ

พาร์กินสัน

 

กีฬา…กีฬา เป็นยาวิเศษ เพลงนี้เราทุกคนได้ยินกันจนคุ้นหู ร้องไห้กันจนคุ้นปาก รู้ไหมคะว่า การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้รูปร่างดีมีหุ่น S Line แล้ว ยังทำให้เรามีสุขภาพดี และช่วยโรคพาร์กินสันอีกด้วยค่ะ

โรคพาร์กินสันเกิดจากการเสื่อมของเซลล์ประสาท ทำให้สมองเรามีการหลั่งพามีนน้อยลง ซึ่งการรักษานอกจากใช้ยาแล้ว การออกกำลังกายก็นับว่าเป็นการรักษาที่ดีสำหรับผู้ป่วยโรคนี้ค่ะ หลายคนอาจจะสงสัยว่า โรคพาร์กินสันทำให้ร่างกายของเราเกิดการสั่นไม่ใช่เหรอ แล้วจะออกกำลังกายได้ดีหรือ? แน่นอนค่ะว่าการออกกำลังกายนั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการจากโรคนี้ได้ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น แล้วการออกกำลังกายแบบไหนล่ะ ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน… การวิ่งเหยาะ ก็เพียงพอที่จะทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายแล้วค่ะ นอกจากนี้การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ ก็สามารถรักษาอาการของโรคนี้ได้เช่นกัน การบริหารร่างกายเฉพาะส่วน เช่น บริหารคอ ไหล่ ขา ก็จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมร่างกายได้ดีมากขึ้นค่ะ

จำไว้อย่างหนึ่งว่า โรคนี้ต้องรักษากันแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจร้อน หากไม่มีเวลาไปออกกำลังตามสถานที่ต่างๆ เราก็สามารถทำที่บ้านได้ง่ายๆ เช่น การแกว่งแขน เดินไป-กลับ บริหารข้อเท้าทุกวัน หมั่นปรึกษาแพทย์เพื่อรับรู้อาการของโรคและแนวทางการรักษา เพียงเท่านี้โรคพาร์กินสัน ก็ไม่อันตรายสำหรับเราแล้วค่ะ